ปิด

สัญญาณเตือน ฟองสบู่ขนาดใหญ่ เท่าที่โลกเคยมีมา กับความผันผวนในตลาด forex

สัญญาณเตือนฟองสบู่
ภายหลังการเกิดวิกฤตโควิดที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกสร้างหนี้สินขึ้นมหาศาล เพื่อใช้และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งไม่ใช่มีเพียงแค่หนี้ของรัฐบาลเท่านั้น แต่รวมถึงหนี้ของภาคเอกชน ตัวบุคคลและอื่น ๆ ที่กู้หนี้มาเพื่อประคับประคองธุรกิจของตนเอง จากรายงานของ CNBC โดย Andrea Miller ระบุว่าหนี้สินของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาแตะที่ระดับ 10 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐและยังบอกด้วยอีกว่ากำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้วันที่ 16 มีนาคม 2021ที่ผ่านมา Hedge Funds เทขายพันธบัตรรัฐบาลออกมามากถึง 49,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นสูงเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2020 ณ ช่วงเวลาเดียวกัน เป็นผลมาจากการคาดการณ์เงินเฟ้อจะกลับมา ภายหลังประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ โจ ไบเดน อัดฉีดเงินเข้าระบบอีกมากกว่า 1.9 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายใต้แผนการกอบกู้เศรษฐกิจของสหรัฐให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

อะไรคือสัญญาณเตือนฟองสบู่ขนาดใหญ่

แม้จะยังไม่มีอะไรบ่งบอกว่าฟองสบู่ทางด้านเศรษฐกิจและการเงินใกล้แตกแล้ว แต่เราทุกคนควรเฝ้าระวังไว้จะเป็นการดีที่สุด เพราะอยางน้อยจะได้ไม่ติดกับดักทางการเงินและเศรษฐกิจนี้ โดยเฉพาะการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดวิกฤตในครั้งก่อน, สัญญาณแรกเริ่มจากจุดเล็ก ๆ จนไปถึงขั้นวิกฤตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เหมือนดังเช่นในอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว การเข้าไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีราคาเกินมูลค่าพื้นฐาน การกู้เงินดอกเบี้ยต่ำมาปล่อยกู้เพื่อหวังดอกเบี้ยที่สูงกว่า เมื่อถึงจุดอิ่มตัวใครที่ลุกช้ามักจะจ่ายรอบวงเสมอ ซึ่งสัญญาณเตือนฟองสบู่ขนาดใหญ่นั้นมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
  • สินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไร จนมีการปรับตัวขึ้นของราคาที่มากจนเกินไป ในปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักกับ Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดมีการปรับตัวขึ้นทำราคาจุดสูงสุดใหม่อยู่ที่ 61,283.80 เหรียญต่อ 1 Bitcoin เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2021 หรือประมาณ 1.8 ล้านบาทไทยและยังไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มตัวเมื่อไร หลังจากที่เปิดตัวในครั้งแรกด้วยราคาเพียง 1ดอลล่าร์ในเดือนเมษายนปี 2011
  • อารมณ์และการลงทุนมีแต่ทิศทางที่เป็นบวกมากเกินไป ไม่ว่านักลงทุนจะหยิบจับอะไรในตลาดหุ้นมักจะได้ผลกำไรและสิ่งตอบแทนเสมอ ๆ ซึ่งอารมณ์ตลาดในรูปแบบนี้มักทำให้มือใหม่หลงระเริงและพร้อมจะโบยบินเข้าสู่การเก็งกำไรอย่างเต็มที่
  • การกู้ยืมเงินในปริมาณที่มาก เพื่อซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ 
  • นโยบายทางการเงินที่ช่วยเพิ่มหรือกระตุ้นให้ฟองสบู่โตขึ้นได้อีก
  • ราคาสินทรัพย์บางชนิดสะท้อนถึงมูลค่าในอนาคตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยังไม่นับรวบถึงอัตราดอกเบี้ยที่พร้อมจะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่โดนปรับลดประมาณการลงตลอดระยะเวลามากกว่า 7-8 ปี แล้ว เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยเองก็ถือเป็นสัญญาณเตือนการเกิดฟองสบู่แตกได้

ฟองสบู่ขนาดใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ในอดีตเคยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกันถึง 3 ครั้งด้วยกัน แต่ละครั้งก็จะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไป
แต่มีสัญญาณที่คล้ายคลึงกันและมีลกระทบที่เหมือน ๆ กัน ซึ่งจะมีกี่ครั้งแต่ละครั้งเกิดขึ้นที่ไหนไปดูกัน
  • ฟองสบู่ทิวลิป ฟองสบู่ทิวลิปเกิดขึ้นที่ประเทศเนเธอแลนด์ ประมาณปี 1637 เมื่อราคาซื้อขายดอกทิวลิปมีการปรับตัวถึง 8 เท่า ภายในระยะเวลา 3 ปี จนกระทั้งไม่มีคนซื้อดอกทิวลิปในราคาสูงสุดนั้นอีกเลย
    ทำให้ราคาดอกทิวลิปตกลงมากกว่า 10 เท่า ภายในระยะเวลาแค่เดือนเดียวเท่านั้น ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของเนเธอแลนด์เป็นอย่างมาก
  • ต้มยำกุ้ง ฟองสบู่ปี 2540 เมื่อกลไกในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและดอกเบี้ยเงินฝากถูกบิดเบื้อน จึงทำให้คนหันมากู้เงินเพื่อนำไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั้งบ้าน คอนโด ใบจองต่าง ๆ รวมถึงตลาดหุ้น
    เมื่อไม่มีนักลงทุนคนไหนกล้าเข้ามาซื้อต่อในราคาที่สูง จึงทำให้เกิดการเทขายแบบถล่มทลาย ทำให้ราคาหุ้น บ้าน ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ตกลงอย่างรวดเร็ว อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจากเดิม 25 บาท/ดอลล่าร์
    กลายเป็น 50 บาท/ดอลล่าร์ ภายในชั่วข้ามคืน คนที่เป็นหนี้เพียง 1 เท่าตัวกลายเป็นต้องมารับภาระถึง 2 เท่าตัว ส่งผลกระทบไปทั่วเอเชีย
  • วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2008 เป็นฟองสบู่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุด สามารถสร้างผลกระทบได้ทั่วทั้งโลก จนทำให้ระบบเศรษฐกิจของโลกหยุดชะงักลงได้ เพราะเกิดที่สหรัฐ อเมริกา
    ที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเงินและการค้าโลก ถึงขนาดทำให้ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง เลห์แมน บราเธอร์สและ AIG ถึงขนาดล้มละลายได้

การเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ครั้งล่าสุดนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจและการเงินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมาตรการ QE ที่ประเทศมหาอำนาจต่างพิมพ์ธนบัตรออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนส่งผลให้เกิดหนี้
สาธารณะขนาดใหญ่เพื่อรอการระเบิด มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าวิกฤตฟองสบู่ในครั้งนี้ที่จะเกิดจะเป็นฟองสบู่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาก็เป็นได้ เพราะไม่เพียงแต่สหรัฐเท่านั้นที่ทำการกู้เงินออกมามากมาย แต่ยังมีสหภาพยุโรป
ญี่ปุ่นและอื่น ๆ ทั่วโลก ยังไม่นับรวมหนี้ของประเทศกรีซและอิตาลี ที่ก่อนหน้านี้มีการผิดนัดชำระกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว

ที่มาข้อมูล