ในปี 2564 อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เห็นได้จากตัวเลขการผลิต การจำหน่ายและการส่งออกรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 และยังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลักและจากนโยบายลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ของค่ายรถรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 อุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังหลายรายการที่มีแนวโน้มส่งผลลบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังนี้
1. ภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เดือนมิถุนายน 2564
การผลิตรถยนต์
จากข้อมูลรายงานสภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยของศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์ พบว่า ปริมาณการผลิตรถยนต์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย ณ เดือน มิถุนายน 2564 ปริมาณการผลิตรถยนต์ทุกประเภท 134,245 คัน เพิ่มขึ้น 87% จากในเดือน มิ.ย. 2563 ที่มีปริมาณการผลิตรถยนต์ 71,704 คันและหากเปรียบเทียบปริมาณการผลิตรถยนต์ในช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2564 ซึ่งอยู่ที่ 844,601 คัน พบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ 606,132 คัน หรือเพิ่มขึ้น 39% อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือน ม.ค.- มิ.ย. 2562 ซึ่งยังไม่พบการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย พบว่าปริมาณการผลิตรถยนต์ของลดลง 21%
การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ
จากตัวเลขปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ณ เดือน มิ.ย. 2564 พบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย ณ เดือน มิ.ย. 2564 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเท่ากับ 64,974 คัน เพิ่มขึ้น 12% % จากในเดือน มิ.ย. 2563 ที่มีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ 58,049 คันและหากเปรียบเทียบปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2564 ซึ่งอยู่ที่ 372,961 คัน พบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ 328,640 คัน หรือเพิ่มขึ้น 13% แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือน ม.ค.- มิ.ย. 2562 ที่มีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ 523,770 คัน อยู่ 29% ทั้งนี้สำหรับปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ xEV หรือกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ในเดือนมิถุนายน 2564 มีปริมาณรวม 3,585 คัน เพิ่มขึ้น 107% จากปี 2563 เนื่องจากผู้บริโภคมีความเข้าใจและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากขึ้น
ข้อมูลการส่งออก
จากตัวเลขปริมาณการส่งออกรถยนต์ ณ เดือน มิ.ย. 2564 พบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย ณ เดือน มิ.ย. 2564 ปริมาณการส่งออกรถยนต์ เท่ากับ 83,022 คัน เพิ่มขึ้น 66% % จากในเดือน มิ.ย. 2563 ที่มีปริมาณการส่งออกรถยนต์ 50,049 คันและหากเปรียบเทียบการส่งออกรถยนต์ ในช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2564 ซึ่งอยู่ที่ 473,489 คัน พบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ 350,550 คันหรือเพิ่มขึ้น 35% แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือน ม.ค.- มิ.ย. 2562 ที่มีปริมาณการส่งออกรถยนต์ 559,861 คัน อยู่ 15%
2. วิเคราะห์แนวโน้มการฟื้นตัวอุตสาหกรรมยานยนต์ครึ่งหลังปี 2564
จากข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 มีแนวโน้มการฟื้นตัวจากปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลักโดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าสำคัญอย่าง กลุ่มประเทศโอเชียเนีย ยุโรปและประเทศในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากการมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และการจัดสรรวัคซีนได้ทั่วถึงประชาชนมากขึ้นในแต่ละประเทศที่ดีขึ้น ทำให้สามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและจากการที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นปรับแผนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2564 เพิ่มขึ้นจาก 1.55 ล้านคัน เป็น 1.60 ล้านคันและการส่งออกรถยนต์ เพิ่มขึ้นจาก 0.75 ล้านคัน เป็น 0.80 ล้านคัน ส่วนการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศคงเดิมที่ 0.75 ล้านคัน
3. ปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยลบ ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ช่วงครึ่งปีหลัง 2564
ปัจจัยสนับสนุน
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าสำคัญ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
- ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อส่งออกไปต่างประเทศและส่งกลับญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
ปัจจัยลบ
- การขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิต
- ต้นทุนค่าขนส่งทางเรือที่เพิ่มสูงขึ้น
- การแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ต้นทุนต่ำจากจีนและอินโดนีเซีย
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2563 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จากการที่ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ให้กับค่ายรถของต่างประเทศหลายราย ทำให้ประเทศไทยยังอยู่ในความสนใจของนักลงทุนและต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ต่อเนื่อง ด้วยความพร้อมในด้านทักษะ ฝีมือ แรงงาน สาธารณูปโภค นิคมอุตสาหกรรม นโยบายสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ จึงทำให้ประเทศไทยมีความพร้อมเปิดรับนักลงทุนในธุรกิจยานยนต์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อพูดถึงพื้นที่รองรับการเปิดอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อขยายธุรกิจ ปัจจุบันนี้ทางด้าน สวนอุตสาหกรรม 304 ผู้นำในการพัฒนาที่ดินเพื่อรองรับอุตสาหกรรม มีทั้งที่ดินเพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งทางโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคครบวงจรและมีความพร้อมที่จะรองรับอุตสาหกรรมใหม่ได้หลากหลาย ซึ่งนับว่าเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย
ที่มาข้อมูล :